VAT คืออะไร?
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) คืออะไร?
VAT คือภาษีที่เก็บจากการบริโภคสินค้าหรือบริการ กล่าวคือ ทุกครั้งที่คุณขายสินค้า หรือบริการ คุณจะต้องบวกภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับราคาสินค้าหรือบริการนั้น ภาษีนี้ถูกเก็บโดยผู้ขาย แต่ผู้บริโภคเป็นผู้แบกรับภาระ เนื่องจากราคาสินค้าหรือบริการที่ซื้อจะรวม VAT อยู่แล้ว
ในประเทศไทย VAT อัตรามาตรฐานคือ 7% ซึ่งหมายความว่าผู้ประกอบการจะต้องบวกภาษี 7% ของราคาสินค้าหรือบริการลงไปในราคาขาย และส่งภาษีนี้ให้กับกรมสรรพากร
ตัวอย่างการคำนวณ VAT ง่ายๆ
สมมุติว่าคุณขายสินค้าในราคา 1,000 บาท หากธุรกิจของคุณต้องบวก VAT 7% ราคาที่คุณจะเก็บจากลูกค้าคือ:
- ราคาไม่รวม VAT: 1,000 บาท
- บวก VAT 7%: 70 บาท
- ราคาที่ต้องเก็บจากลูกค้า: 1,070 บาท
ดังนั้น ลูกค้าจะจ่ายเงินทั้งหมด 1,070 บาท โดยที่ 70 บาทนั้นเป็นภาษีที่คุณต้องส่งให้กับกรมสรรพากร
ธุรกิจประเภทใดที่ต้องเสีย VAT?
ไม่ใช่ทุกธุรกิจที่ต้องเสีย VAT การจดทะเบียน VAT จะเป็นไปตามเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด:
1. ธุรกิจที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องจดทะเบียน VAT และเรียกเก็บ VAT จากลูกค้า
2. ธุรกิจที่มีรายได้ไม่ถึง 1.8 ล้านบาทต่อปี ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน VAT แต่สามารถเลือกจดทะเบียนได้หากต้องการ
3. ธุรกิจบางประเภทได้รับการยกเว้น VAT เช่น การขายสินค้าหรือบริการบางประเภท เช่น สินค้าเกษตร การศึกษา การขนส่งในประเทศ เป็นต้น
การยื่นและชำระ VAT
ธุรกิจที่จดทะเบียน VAT จะต้องทำการยื่นรายงานภาษี VAT ทุกเดือน โดยสามารถทำได้ผ่านทางระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร ซึ่งมี 2 แบบที่สำคัญ:
1. ภ.พ.30: ใช้สำหรับยื่นรายงานการขายสินค้าหรือบริการที่มี VAT
2. ภ.พ.36: ใช้สำหรับกรณีซื้อสินค้าหรือบริการจากต่างประเทศและต้องเสีย VAT
ขั้นตอนนี้เป็นการสรุปยอดภาษีที่คุณเก็บจากลูกค้า (ภาษีขาย) หักกับภาษีที่คุณจ่ายตอนซื้อสินค้าและบริการ (ภาษีซื้อ) หากคุณเก็บภาษีขายมากกว่าภาษีซื้อ คุณต้องจ่ายส่วนต่างให้กับกรมสรรพากร แต่หากภาษีซื้อมากกว่า คุณสามารถขอคืนภาษีได้
ข้อควรระวังในการจัดการ VAT
1. เก็บใบกำกับภาษีทุกครั้ง: ไม่ว่าจะเป็นการขายหรือการซื้อ การออกใบกำกับภาษีที่ถูกต้องถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะเป็นหลักฐานในการคำนวณภาษีและยื่นภาษีให้ถูกต้อง
2. ยื่นภาษีตรงเวลา: ภาษี VAT จะต้องยื่นภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน หากยื่นล่าช้าหรือไม่ยื่น จะมีค่าปรับและดอกเบี้ยเกิดขึ้น
3. แยกภาษีซื้อและภาษีขายชัดเจน: เพื่อให้สามารถคำนวณภาษีได้อย่างถูกต้องและไม่เกิดความสับสน
ประโยชน์ของการจดทะเบียน VAT
แม้ว่าการเก็บ VAT อาจดูยุ่งยากสำหรับธุรกิจ แต่การจดทะเบียน VAT มีประโยชน์หลายประการ เช่น:
- เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ: การจดทะเบียน VAT ช่วยให้ธุรกิจของคุณดูน่าเชื่อถือมากขึ้นในสายตาของลูกค้าและคู่ค้า โดยเฉพาะคู่ค้าที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่หรือองค์กรระหว่างประเทศที่ต้องการการทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- สิทธิในการขอคืนภาษีซื้อ: หากธุรกิจของคุณซื้อสินค้าหรือบริการเพื่อใช้ในการผลิตหรือดำเนินงาน คุณสามารถขอคืนภาษีซื้อได้ ทำให้ธุรกิจมีต้นทุนที่ลดลง
สรุป
การเข้าใจและจัดการ VAT อย่างถูกต้องเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ผู้ประกอบการควรทำความเข้าใจหลักการพื้นฐาน และปฏิบัติตามขั้นตอนการยื่นและชำระ VAT ให้ถูกต้องและตรงเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียค่าปรับหรือปัญหาทางกฎหมายในอนาคต นอกจากนี้ยังช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความน่าเชื่อถือและประหยัดค่าใช้จ่ายทางภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ