การให้โดยเสน่หา
การให้โดยเสน่หากับกฎหมายภาษีไทย
การให้โดยเสน่หาในด้านภาษีถือเป็น การให้ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ทรัพย์สินที่ผู้รับได้รับจะถือเป็น รายได้ประเภทหนึ่ง และอาจต้องเสียภาษีขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและวงเงินที่กฎหมายกำหนด หากมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับเกินวงเงินที่ได้รับการยกเว้น ผู้รับต้องเสียภาษีจากส่วนที่เกิน
กฎหมายภาษีของไทยมีการยกเว้นในบางกรณี เช่น การให้โดยเสน่หาระหว่างสมาชิกในครอบครัว เช่น พ่อแม่ให้ทรัพย์สินแก่ลูก หรือคู่สมรสให้ทรัพย์สินแก่กันเอง ซึ่งจะได้รับการยกเว้นภาษีในวงเงินที่กำหนด
ตัวอย่างการให้โดยเสน่หาในชีวิตจริง
เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น เรามาดูตัวอย่างการให้โดยเสน่หาในมุมภาษี
ตัวอย่างที่ 1: การให้โดยเสน่หาระหว่างพ่อแม่และบุตร
นายสมชายมีที่ดินมูลค่า 15 ล้านบาท ต้องการให้ที่ดินนี้แก่บุตรชายคนโตโดยไม่เรียกร้องสิ่งตอบแทน การให้ที่ดินเช่นนี้ถือเป็นการให้โดยเสน่หาที่มีกฎหมายรองรับในฐานะ การให้ระหว่างพ่อแม่และบุตร ซึ่งกฎหมายให้สิทธิยกเว้นภาษีในวงเงิน ไม่เกิน 20 ล้านบาท ดังนั้นในกรณีนี้บุตรชายของนายสมชายไม่ต้องเสียภาษีใด ๆ จากการได้รับที่ดิน เพราะมูลค่าทรัพย์สินยังอยู่ภายในวงเงินที่ยกเว้น
ตัวอย่างที่ 2: การให้โดยเสน่หาระหว่างคู่สมรส
นางสุภาพให้เงินสดจำนวน 5 ล้านบาทแก่สามีเพื่อเป็นของขวัญในโอกาสวันเกิด กรณีนี้ถือเป็นการให้โดยเสน่หา ระหว่างคู่สมรส ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีโดยไม่จำกัดวงเงิน กล่าวคือ ไม่ว่าจะให้เงินจำนวนเท่าใดระหว่างคู่สมรส ผู้รับจะไม่ต้องนำจำนวนเงินดังกล่าวมาเสียภาษี
ตัวอย่างที่ 3: การให้โดยเสน่หาระหว่างพี่น้อง
นายสมศักดิ์มีบ้านหลังหนึ่งมูลค่า 12 ล้านบาท และต้องการให้บ้านนี้แก่พี่ชายของตนเองโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เนื่องจากกฎหมายไม่ได้ให้สิทธิพิเศษในการยกเว้นภาษีสำหรับการให้โดยเสน่หาระหว่างพี่น้อง จึงต้องตรวจสอบกับวงเงินที่ได้รับยกเว้นสำหรับการให้ทั่วไป ซึ่งกำหนดไว้ ไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อปี ดังนั้น พี่ชายของนายสมศักดิ์ต้องเสียภาษีจากมูลค่าบ้านในส่วนที่เกิน 10 ล้านบาท นั่นคือ 2 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปคำนวณในฐานะรายได้และเสียภาษีตามฐานภาษีที่กำหนด
ข้อควรระวังในการให้โดยเสน่หาในด้านภาษี
1. การตรวจสอบวงเงินยกเว้นภาษี: ควรพิจารณาวงเงินที่ได้รับการยกเว้นและเงื่อนไขเฉพาะสำหรับแต่ละกรณี เพื่อป้องกันการเสียภาษีจากส่วนที่เกินความจำเป็น
2. การจัดทำเอกสารและสัญญาการให้: แม้เป็นการให้โดยเสน่หาก็ควรมีเอกสารหรือสัญญาเพื่อยืนยันการให้ ช่วยให้การทำธุรกรรมมีความโปร่งใสและง่ายต่อการยืนยันกรณีถูกตรวจสอบจากหน่วยงานภาษี
3. การให้ทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง: หากการให้มีมูลค่าสูงและอาจเกินวงเงินยกเว้น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือวางแผนการให้เป็นรายปีเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากวงเงินยกเว้นได้อย่างเต็มที่
การให้โดยเสน่หาแม้เป็นเรื่องของน้ำใจและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล แต่ในมุมมองทางภาษีถือว่าเป็นรายได้รูปแบบหนึ่งซึ่งอาจมีผลต่อภาษีที่ต้องชำระ ผู้รับจึงควรทำความเข้าใจกับข้อกฎหมายและเงื่อนไขเพื่อใช้สิทธิยกเว้นภาษีได้อย่างเหมาะสมและป้องกันภาระภาษีที่ไม่จำเป็น